ช่วงเวลาที่ผ่านมาลูกค้าที่มาปรึกษาเรื่องทำ SEO นั้นค่อนข้างน้อยมาก เพราะหลายๆ รายที่ทำกับที่อื่นก็อันดับตกจนกลัวการทำ SEO ไปเลยก็มี หลายๆ รายที่กำลังคิดจะจ้างทำ SEO พอได้ติดตามข่าวเรื่องการอัพเดท Google Penguin 2.0 ก็เลยยังไม่กล้าทำ
ลูกค้ารายล่าสุดตอนนี้เว็บไซต์ The Face Aesthetic เว็บไซต์ด้านความงามสำหรับคุณผู้หญิง ให้คำปรึกษาและบริการ ปรับรูปหน้าเรียว เลเซอร์ฝ้า เลเซอร์ผิวขาว และขายผลิตภัณฑ์สำหรับความงาม โดยเน้นการดูแลผิวพรรณอันเป็นปัญหาสำคัญที่คุณผู้หญิงส่วนมากมักให้ความสนใจ ภายในเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยข้อมูลผลิตภัณฑ์และบทความน่ารู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งการทำศัลยกรรม การดูแลผิวพรรณ การแก้ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับความงาม ข้อมูลหลายๆ อย่างล้วนมีประโยชน์และน่าอ่าน สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาปัญหาโดยตรงก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้เลย
ลูกค้า The Face Aesthetic รายนี้ได้ทำเว็บไซต์และทำ SEO กับเรา ส่วนมากลูกค้าที่ให้เราดูแลทั้งเว็บและการโปรโมทเว็บไซต์ลักษณะนี้จะทำงานง่าย เพราะว่าเวลาที่เราออกแบบเว็บไซต์เราจะคำนึงถึงเนื้อหาทีมีประโยชน์สำหรับลูกค้าอยู่แล้ว ที่สำคัญเรายังมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นหรือแนะนำเทคนิคการทำเว็บไซต์กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่ด้วย จึงหวังว่าเมื่อ SEO กลับมาเข้าที่เข้าทาง ลูกค้าใหม่หลายๆ ท่านจะตัดสินใจหันมาลงทุนด้านธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้นเหมือนเดิม
Social Network ของ Kobsoft Studio
ยินดีต้อนรับผู้ติดตามข่าวสารทุกท่านผ่าน Blogger ทันทีที่คุณเข้าสู่บล็อกนี้เราหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จาก Tips & Technique ที่เรานำเสนอเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจบนเว็บไซต์ งานรับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ บริการโปรโมทเว็บไซต์ ตลอดไปจนถึงการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้สำหรับธุรกิจบนเว็บไซต์
เว็บไซต์ที่ไม่อัพเดท ส่งผลทำให้อันดับตกจริงหรือ?
เรื่องนี้ผมเคยถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า เว็บไซต์ที่ไม่อัพเดท ส่งผลทำให้อันดับตกจริงหรือ? ในทางทฤษฎีถ้าผมเป็น Google ผมก็คงให้อันดับตกนะ บางครั้งเนื้อหาเก่าๆ มันก็ส่งผลดีได้ในช่วงที่ได้รับความนิยม แต่มันอาจจะมีประโยชน์น้อยลงเมื่อกาลเวลาผ่านไป
ผมเคยทดสอบทั้งเว็บที่มีเนื้อหาภาษาไทย และเว็บที่มีเนื้อหาภาษาอังกฤษ ตอนแรกก็อัพเดทอยู่บ้าง 2-3 วันทำการอัพเดทครั้งหนึ่ง Traffic ผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็มีสม่ำเสมอ พอเราอัพเดทบ่อยขึ้น บอทก็มาบ่อยขึ้น สถิติผู้เข้าชมก็มากขึ้นตามมานิดนึง ผลการทดสอบเริ่มชัดเข้ามาบ้างว่าการอัพเดทเนื้อหาใหม่ๆ ส่งผลให้มีผู้คนเข้าชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น แน่นอนประเด็นแรกมากจากเนื้อหาใหม่ๆ ที่ Google ชอบ ประเด็นที่สองมาจาก Index ที่เพิ่มขึ้น โอกาสที่มีคนค้นหาแล้วเจอหน้าเว็บเพจเราก็มากขึ้นตามลำดับ
ต่อมาผมลองปล่อยทิ้งเว็บไซต์ไม่อัพเดทไปสัก 1 เดือน ปรากฏว่า Traffic ผู้เข้าชมเว็บไซต์เริ่มคงที่และทยอยน้อยลงทีละนิด พอไม่อัพเดทนานๆ จนเข้าเดือนที่ 2-4 ปรากฏว่า Traffic หายไปกว่า 40-50% เลยล่ะครับ และไม่ใช่แค่เว็บไซต์เดียว เป็นทั้ง 2 เว็บไซต์ทั้งเว็บภาษาอังกฤษ และเว็บภาษาไทยเลย
ผลการทดสอบนี้ทำให้ผมพอจะเดาๆ ได้ว่าการอัพเดทเว็บไซน์นี้มีผลกระทบมากต่อการทำ SEO ในปัจจุบัน ถ้ามันเป็นเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอยู่ตลอดเช่นบทความที่ให้ความรู้ที่สามารถใช้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด มันก็จะได้รับความนิยมอ่านอยู่ตลอด แต่บางบทความที่เป็นเทรนด์ฮิตเพียงแค่ช่วงเวลาช่วงหนึ่ง พอเวลาผ่านไปบทความนี้แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย อันดับมันก็จะตกจนบางทีก็หายไปเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นใครที่ รับทำ SEO อยู่ตอนนี้ คงจะต้องขยันเขียนบทความกันสักหน่อยแล้วล่ะ เพื่อให้เว็บไซต์ของตัวเองมีเนื้อหาที่ติดเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอครับ
ผมเคยทดสอบทั้งเว็บที่มีเนื้อหาภาษาไทย และเว็บที่มีเนื้อหาภาษาอังกฤษ ตอนแรกก็อัพเดทอยู่บ้าง 2-3 วันทำการอัพเดทครั้งหนึ่ง Traffic ผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็มีสม่ำเสมอ พอเราอัพเดทบ่อยขึ้น บอทก็มาบ่อยขึ้น สถิติผู้เข้าชมก็มากขึ้นตามมานิดนึง ผลการทดสอบเริ่มชัดเข้ามาบ้างว่าการอัพเดทเนื้อหาใหม่ๆ ส่งผลให้มีผู้คนเข้าชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น แน่นอนประเด็นแรกมากจากเนื้อหาใหม่ๆ ที่ Google ชอบ ประเด็นที่สองมาจาก Index ที่เพิ่มขึ้น โอกาสที่มีคนค้นหาแล้วเจอหน้าเว็บเพจเราก็มากขึ้นตามลำดับ
ต่อมาผมลองปล่อยทิ้งเว็บไซต์ไม่อัพเดทไปสัก 1 เดือน ปรากฏว่า Traffic ผู้เข้าชมเว็บไซต์เริ่มคงที่และทยอยน้อยลงทีละนิด พอไม่อัพเดทนานๆ จนเข้าเดือนที่ 2-4 ปรากฏว่า Traffic หายไปกว่า 40-50% เลยล่ะครับ และไม่ใช่แค่เว็บไซต์เดียว เป็นทั้ง 2 เว็บไซต์ทั้งเว็บภาษาอังกฤษ และเว็บภาษาไทยเลย
ผลการทดสอบนี้ทำให้ผมพอจะเดาๆ ได้ว่าการอัพเดทเว็บไซน์นี้มีผลกระทบมากต่อการทำ SEO ในปัจจุบัน ถ้ามันเป็นเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอยู่ตลอดเช่นบทความที่ให้ความรู้ที่สามารถใช้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด มันก็จะได้รับความนิยมอ่านอยู่ตลอด แต่บางบทความที่เป็นเทรนด์ฮิตเพียงแค่ช่วงเวลาช่วงหนึ่ง พอเวลาผ่านไปบทความนี้แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย อันดับมันก็จะตกจนบางทีก็หายไปเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นใครที่ รับทำ SEO อยู่ตอนนี้ คงจะต้องขยันเขียนบทความกันสักหน่อยแล้วล่ะ เพื่อให้เว็บไซต์ของตัวเองมีเนื้อหาที่ติดเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอครับ
ผลกระทบจากการปรับ Algorithm Google Penguin 2.0 ต่อการทำ SEO
เป็นที่สร้างความกังวลใจสำหรับนักทำ SEO สายปั่นลิงค์ สำหรับระบบ Algorithm ที่ใช้จัดอันดับผลการค้นหาใหม่ใน Google โดยมีชื่อว่า Penguin 2.0
อันที่จริงแล้วผมเชื่อว่า Google ได้มีการพัฒนาระบบจัดอันดับนี้และใช้มานานสักระยะแล้วตั้งแต่ก่อนจะประกาศใช้ Google Penguin 1.0 ด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ผลการค้นหาเอ๋อๆ ไปบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งหากคนที่ทำ SEO อยู่บ่อยๆ จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติเวลามีการปรับอันดับครั้งใหญ่มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งเรื่องราวที่แท้จริงอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น
หลังจากการปล่อยตัว Penguin ครั้งแรก ผู้คนก็บ่นกันอุบอิบว่าทำไมอันดับถึงร่วง จากเว็บไซต์ที่มีปัจจัยพื้นฐานลิงค์ดี เนื้อหาก็ดีทำไมถึงอันดับแย่กว่าเว็บไซต์ใหม่ๆ บางเว็บไซต์ สิ่งที่เราอาจคาดไม่ถึงเลยก็คือพฤติกรรมในการสร้างลิงค์เชื่อมโยงที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ Google เองคงตระหนักดีว่าอาชีพนักโปรโมทเว็บไซต์หรือทำ SEO อย่างเราๆ จะต้องมีการปั่นลิงค์หรือทำทุกอย่างเพื่อโกงอันดับเป็นแน่ ซึ่งมันขัดต่อนโยบายการให้บริการผลการค้นหาของ Google ที่เค้ามักจะการันตีไว้ว่า "ไม่มีใครสามารถรับประกันอันดับจริงๆ ได้" ซึ่งนั่นก็ยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่จนถึงปัจจุบัน
บางครั้งการปล่อย Google Penguin ออกมา โดยเน้นการลงโทษเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมการโปรโมทที่ไม่เหมาะสมเช่นการปั่นลิงค์หรือเนื้อหาก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะส่งผลกระทบต่อผลการค้นหาและการแข่งขันที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดย Matt Cutts ได้บอกเอาไว้ว่ามันจะทำให้ผลการค้นหาเปลี่ยนไปประมาณ 3.1% ของผลการค้นหาทั้งหมด แต่ผมว่าไอ้ 3.1% ที่ว่ามาเนี่ย คือเว็บไซต์ที่มีการทำ SEO ล้วนๆ เลยล่ะ เรียกได้ว่าเว็บไซต์ไหนทำ SEO เว็บนั้นต้องโดนกันเกือบทั้งหมด ในขณะที่ผลการค้นหาจากคำอื่นๆ ทั่วไปมันไม่มีผล
เมื่อเว็บไซต์หลายๆ เว็บที่กำลังโปรโมทอยู่นี้ได้รับผลกระทบก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก บ้างก็ร้องเรียนไปยัง Google ว่า แท้จริงนั้นผลกระทบ 3.1% ที่ว่าดังกล่าว มันคือเกือบๆ 100% ของพวกกลุ่มเว็บไซต์ที่ทำ SEO เว็บไหนใครที่รู้ตัวว่าปั่นลิงค์แล้วอันดับตก ก็น่าจะเข้าใจตัวเอง แต่เว็บไหนที่สร้างลิงค์โดยธรรมชาติแล้วถูกลงโทษติดรากแหไปด้วย ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จุดนี้ Google คงรวบรวมข้อมูลมาพิจารณาอีกครั้งเพื่อพัฒนามาเป็น Penguin 2.0 ที่การันตีว่าจะกระทบผลการค้นหาเพียง 0.3% เท่านั้น สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักทำ SEO ที่ยังมีความหวังว่าความเข้มงวดในการจัดอันดับจะน้อยลง ในขณะที่ Google เองก็มีการเตือนเป็นนัยๆ ว่า ถ้าใครทำ SEO สายปั่น Black Hat หรือโกง มีสิทธิ์ที่เว็บไซต์ของคุณจะต้องโดนแบนเอาง่ายๆ แน่
"ผมว่าการเดินเกมกันคนละครึ่งทางแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่แฟร์ดีเหมือนกัน เพราะเมื่อเราเจอของโหดมาจนหวั่นๆ แล้ว เชื่อว่านักทำ SEO หลายๆ คนก็คงไม่กล้ารีบปั่นลิงค์กันอีกในช่วงหลังๆ นี้ ซึ่ง Google เองก็คงจะลดปัญหาขยะในผลการค้นหาได้บ้างพักใหญ่ๆ เชียวล่ะ"
อันที่จริงแล้วผมเชื่อว่า Google ได้มีการพัฒนาระบบจัดอันดับนี้และใช้มานานสักระยะแล้วตั้งแต่ก่อนจะประกาศใช้ Google Penguin 1.0 ด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ผลการค้นหาเอ๋อๆ ไปบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งหากคนที่ทำ SEO อยู่บ่อยๆ จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติเวลามีการปรับอันดับครั้งใหญ่มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งเรื่องราวที่แท้จริงอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น
หลังจากการปล่อยตัว Penguin ครั้งแรก ผู้คนก็บ่นกันอุบอิบว่าทำไมอันดับถึงร่วง จากเว็บไซต์ที่มีปัจจัยพื้นฐานลิงค์ดี เนื้อหาก็ดีทำไมถึงอันดับแย่กว่าเว็บไซต์ใหม่ๆ บางเว็บไซต์ สิ่งที่เราอาจคาดไม่ถึงเลยก็คือพฤติกรรมในการสร้างลิงค์เชื่อมโยงที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ Google เองคงตระหนักดีว่าอาชีพนักโปรโมทเว็บไซต์หรือทำ SEO อย่างเราๆ จะต้องมีการปั่นลิงค์หรือทำทุกอย่างเพื่อโกงอันดับเป็นแน่ ซึ่งมันขัดต่อนโยบายการให้บริการผลการค้นหาของ Google ที่เค้ามักจะการันตีไว้ว่า "ไม่มีใครสามารถรับประกันอันดับจริงๆ ได้" ซึ่งนั่นก็ยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่จนถึงปัจจุบัน
บางครั้งการปล่อย Google Penguin ออกมา โดยเน้นการลงโทษเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมการโปรโมทที่ไม่เหมาะสมเช่นการปั่นลิงค์หรือเนื้อหาก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะส่งผลกระทบต่อผลการค้นหาและการแข่งขันที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดย Matt Cutts ได้บอกเอาไว้ว่ามันจะทำให้ผลการค้นหาเปลี่ยนไปประมาณ 3.1% ของผลการค้นหาทั้งหมด แต่ผมว่าไอ้ 3.1% ที่ว่ามาเนี่ย คือเว็บไซต์ที่มีการทำ SEO ล้วนๆ เลยล่ะ เรียกได้ว่าเว็บไซต์ไหนทำ SEO เว็บนั้นต้องโดนกันเกือบทั้งหมด ในขณะที่ผลการค้นหาจากคำอื่นๆ ทั่วไปมันไม่มีผล
เมื่อเว็บไซต์หลายๆ เว็บที่กำลังโปรโมทอยู่นี้ได้รับผลกระทบก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก บ้างก็ร้องเรียนไปยัง Google ว่า แท้จริงนั้นผลกระทบ 3.1% ที่ว่าดังกล่าว มันคือเกือบๆ 100% ของพวกกลุ่มเว็บไซต์ที่ทำ SEO เว็บไหนใครที่รู้ตัวว่าปั่นลิงค์แล้วอันดับตก ก็น่าจะเข้าใจตัวเอง แต่เว็บไหนที่สร้างลิงค์โดยธรรมชาติแล้วถูกลงโทษติดรากแหไปด้วย ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จุดนี้ Google คงรวบรวมข้อมูลมาพิจารณาอีกครั้งเพื่อพัฒนามาเป็น Penguin 2.0 ที่การันตีว่าจะกระทบผลการค้นหาเพียง 0.3% เท่านั้น สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักทำ SEO ที่ยังมีความหวังว่าความเข้มงวดในการจัดอันดับจะน้อยลง ในขณะที่ Google เองก็มีการเตือนเป็นนัยๆ ว่า ถ้าใครทำ SEO สายปั่น Black Hat หรือโกง มีสิทธิ์ที่เว็บไซต์ของคุณจะต้องโดนแบนเอาง่ายๆ แน่
"ผมว่าการเดินเกมกันคนละครึ่งทางแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่แฟร์ดีเหมือนกัน เพราะเมื่อเราเจอของโหดมาจนหวั่นๆ แล้ว เชื่อว่านักทำ SEO หลายๆ คนก็คงไม่กล้ารีบปั่นลิงค์กันอีกในช่วงหลังๆ นี้ ซึ่ง Google เองก็คงจะลดปัญหาขยะในผลการค้นหาได้บ้างพักใหญ่ๆ เชียวล่ะ"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)